ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 576
    • ดูรายละเอียด
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง

โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease - CKD) เป็นภาวะที่ไตถูกทำลายและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (มากกว่า 3 เดือน) ซึ่งนำไปสู่การสะสมของของเสียในร่างกาย และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง ทั้งที่สามารถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้ค่ะ:

ปัจจัยเสี่ยงหลักและสาเหตุสำคัญ

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus):

เป็นสาเหตุอันดับ 1 ของโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเป็นเวลานาน น้ำตาลในเลือดที่สูงจะทำลายหลอดเลือดเล็กๆ ในไตที่ทำหน้าที่กรองของเสีย ทำให้ไตเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ


โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension):

เป็นสาเหตุสำคัญอันดับ 2 ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้เป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดในไตแข็งตัวและเสียหาย ส่งผลให้การทำงานของไตลดลง


โรคไตอักเสบชนิดต่างๆ (Glomerulonephritis / Nephritis):

เป็นการอักเสบของหน่วยไตที่ทำหน้าที่กรองเลือด (Glomeruli) ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

โรคไตอักเสบจากการติดเชื้อ: เช่น หลังการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส

โรคไตอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune diseases): เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus - SLE หรือโรคพุ่มพวง), โรคหลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis)

โรคไตอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ: เช่น IgA nephropathy, Focal Segmental Glomerulosclerosis (FSGS)

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ

อายุที่มากขึ้น:

โดยทั่วไป ความสามารถในการทำงานของไตจะลดลงตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป


โรคทางพันธุกรรม:

โรคถุงน้ำในไต (Polycystic Kidney Disease - PKD): เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำจำนวนมากในไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติและเสื่อมสภาพลง

ความผิดปกติของไตแต่กำเนิด หรือภาวะไตไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกเกิด

การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง:

นิ่วในไตหรือท่อไต: หากนิ่วอุดตันทางเดินปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้ปัสสาวะคั่งค้างและสร้างแรงดันย้อนกลับไปที่ไต

ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย: ทำให้ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ และส่งผลกระทบต่อไตได้

ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (Vesicoureteral Reflux - VUR): พบบ่อยในเด็ก ทำให้ปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไหลย้อนขึ้นไปที่ไต

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะซ้ำๆ หรือรุนแรง (Recurrent UTIs / Pyelonephritis):

โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ลุกลามไปถึงกรวยไตและเนื้อไต (กรวยไตอักเสบ) หากเป็นซ้ำๆ หรือเป็นเรื้อรังอาจทำให้เนื้อไตเสียหายได้

การใช้ยาบางชนิดอย่างไม่เหมาะสมหรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน:

ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs): เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac หากใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ หรือใช้ในปริมาณสูง

ยาปฏิชีวนะบางชนิด: โดยเฉพาะกลุ่ม Aminoglycosides หากใช้ไม่ระมัดระวัง

ยาชุด ยาสมุนไพร ยาลูกกลอน ยาแผนโบราณ: ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการรับรอง หรือมีส่วนผสมของสารเคมี โลหะหนัก (เช่น ปรอท ตะกั่ว) หรือยาสเตียรอยด์

อาหารเสริมบางชนิด: หากมีส่วนประกอบที่ส่งผลเสียต่อไต หรือรับประทานเกินขนาด


โรคอ้วน (Obesity):

ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไต นอกจากนี้ยังอาจทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการกรองเลือด

การสูบบุหรี่:

การสูบบุหรี่ทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงหลอดเลือดในไต ทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงไตลดลง และเร่งการเสื่อมของไต

พฤติกรรมการรับประทานอาหาร:

การรับประทานอาหารรสเค็มจัด: ทำให้ไตทำงานหนักในการขับโซเดียมส่วนเกิน และอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูง

การรับประทานอาหารโปรตีนสูงมากเกินไป: ในระยะยาวอาจเพิ่มภาระให้กับไต

การดื่มน้ำน้อย: อาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นในการขับของเสีย และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต


โรคเกาต์ (Gout) หรือมีระดับกรดยูริกในเลือดสูง:

กรดยูริกที่สูงเกินไปสามารถตกผลึกในไตและทำให้เกิดความเสียหายได้

การทราบถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและชะลอการเกิดโรคไตเรื้อรังได้ โดยการควบคุมโรคประจำตัวให้ดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และเข้ารับการตรวจสุขภาพไตอย่างสม่ำเสมอค่ะ

 

ลงประกาศฟรี ติด google ลงโฆษณา ขายของ ฟรี โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ขายฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google