แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 29
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


2
ขายรถราคาพิเศษ Isuzu D-Max Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี2023 ไมล์น้อย โปรโมชั่นพิเศษ

อีซูซุ Isuzu D-MAX Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี 2023
Isuzu D-Max  Spacecab 1.9 Ddi L M/T มากับไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อม Multi Functional Daylight, แอร์แบคคู่, ระบบเบรก ABS/EBD และ BA พร้อม  BOS, พวงมาลัย Multifunction, เครื่องเสียงหน้าจอขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Wireless Apple CarPlay และ Wireless Android Auto, กล้องมองภาพขณะถอยจอด, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
เงื่อนไข โปรโมชั่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ตลอดอายุสัญญา
วารันตี 2ปี

ราคาพิเศษ 454,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Isuzu
   รุ่น                    อีซูซุ Isuzu D-MAX Spacecab 1.9 Ddi L M/T ปี 2023
   ประเภทรถ           รถกระบะ 2 ประตู (แค็บ)
   ปีที่เปิดตัว           2023


3
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: พิษจากผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หมาร่า มดตะนอย มดคันไฟ

ผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หมาร่า มดตะนอย มดคันไฟ* แมลงพวกนี้จะมีเหล็กในอยู่ที่ส่วนปลายของลำตัว เมื่อต่อยเข้าผิวหนังของคนเรา จะปล่อยพิษออกมาทำให้เกิดอาการต่าง ๆ
 

*แมลงพวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มไฮเมนอปเทรา (Hymenoptera) มีพิษประกอบด้วยสารหลายชนิด เช่น histamine, serotonin, dopamine, acetycholine, catecholamine, kinin, phospholipase, protease, hyaluronidase, allergens, mastaparan (เป็น mast cell degranulation peptide ซึ่งสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาอะนาไฟเเลกทอยด์คล้ายภาวะช็อกจากการแพ้ได้) เป็นต้น พิษเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้เฉพาะที่ แพ้รุนแรงทั่วร่างกาย เป็นพิษต่อระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก เกล็ดเลือดต่ำ หลอดเลือดอักเสบ ไตอักเสบ ไตวายเฉียบพลัน ประสาทอักเสบ เป็นต้น

ผึ้ง (bee) จัดอยู่ในตระกูล Apidae มีอยู่หลายชนิด เช่น ผึ้งหลวง ผึ้งเลี้ยง ผึ้งมิ้ม เป็นต้น เเมลงภู่ (bumble-bee) เป็นผึ้งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่มีขนเล็ก ๆ ปกคลุมลำตัวทำให้มีเสียงดังเวลาบิน ผึ้งจะต่อยคนเพียงครั้งเดียว แล้วทิ้งเหล็กในฝังไว้บนผิวหนังของผู้ที่ถูกต่อย   

ต่อ แตน หมาร่า (ต่อหมาร่า) มีลักษณะและวงจรชีวิตคล้ายกัน จัดอยู่ในตระกูล Vespidae ภาษาอังกฤษเรียกว่า wasp ต่อจะมีขนาดใหญ่กว่า มีความยาวมากกว่า 1.5 ซม. ต่อที่มีตัวโตเรียกว่า ต่อเสือ (hornet) ต่อมีหลายชนิด เช่น ต่อหัวเสือ ต่อหลวง ต่อยักษ์ ต่อรัง ต่อรู ต่อหลุม ต่อขวด ต่อเหลือง ต่อป่า ต่อนอนวัน ต่อมดแดง เป็นต้น ต่อตัวหนึ่งสามารถต่อยคนได้หลายครั้ง และมักไม่ทิ้งเหล็กในไว้บนผิวหนังของผู้ถูกต่อย

แตน มีขนาดเล็กกว่าต่อ มักมีความยาวต่ำกว่า 1.5 ซม. มีหลายชนิด เช่น แตนบัว แตนฝักบัว แตนลิ้นหมา แตนขี้หมา แตนกล้า เป็นต้น

มดตะนอย มดคันไฟ (fire ant) เป็นแมลงในกลุ่มไฮเมนอปเทรา จัดอยู่ในตระกูล Formicidae มีเหล็กในต่อยคนได้เช่นเดียวกับผึ้ง ต่อ และแตน มักทำให้เกิดพิษเฉพาะที่ ส่วนการเกิดอาการแพ้หรือเป็นพิษรุนแรงแบบผึ้งและต่อต่อยนั้นพบได้น้อย

อาการ

ส่วนมากจะมีอาการเฉพาะที่เพียงเล็กน้อย คือ บริเวณที่ถูกต่อยมีอาการปวด บวม แดง คัน แสบร้อน อาจเป็นอยู่นานหลายชั่วโมง (ในรายที่ถูกมดกัด รอยบวมแดงจะยุบหายภายใน 45 นาที แล้วมีตุ่มพองเกิดขึ้น ซึ่งจะแตกใน 2-3 วันต่อมา อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนกลายเป็นตุ่มหนองได้)

ถ้าเป็นมาก จะมีอาการบวม ซึ่งจะค่อยขยายใหญ่ขึ้น จนอาจมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 5-10 ซม. อาการมักจะเกิดขึ้นภายใน 12-36 ชั่วโมงหลังถูกต่อย และจะเป็นอยู่นานหลายวัน บางครั้งทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นการติดเชื้อ (ในกรณีถูกผึ้งหรือต่อต่อยจะพบการติดเชื้อได้น้อยมาก)

ถ้าถูกต่อยที่ลิ้นหรือในช่องปาก อาจทำให้ลิ้นและเยื่อเมือกในช่องปากบวมจนอุดกั้นทางเดินหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งมักจะพบในเด็ก

ถ้าต่อยถูกบริเวณใกล้เส้นประสาท ก็อาจทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ เกิดอาการชาได้

ถ้าถูกต่อยที่กระจกตา อาจทำให้เกิดแผลกระจกตาได้

ในบางรายพิษอาจเข้ากระแสเลือด เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ (allergic reaction) หรืออาการเป็นพิษ (toxic reaction) ต่ออวัยวะทั่วร่างกาย ทำให้มีอาการริมฝีปากบวม หนังตาบวมคัน ผิวหนังออกร้อนแดง มีลมพิษขึ้นทั่วตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก

ถ้าเกิดการแพ้รุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบากหรือหายใจหอบ เนื่องจากกล่องเสียงบวมหรือหดเกร็ง หรือหลอดลมตีบตัวคล้ายหืด (ฟังปอดได้ยินเสียงวี้ด) หรือเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ ซึ่งจะมีอาการเป็นลม ชีพจรเบาและเร็ว ความดันเลือดต่ำ และอาจทำให้เสียชีวิตภายใน 15-30 นาที ถึง 4 ชั่วโมง อาการแพ้รุนแรงอาจเกิดขึ้นภายใน 2-3 นาทีหลังถูกต่อย หรืออาจเกิดหลังถูกต่อยแล้ว 24 ชั่วโมงก็ได้

อาการแพ้อาจเกิดจากการถูกต่อยเพียงครั้งเดียวในผู้ที่เคยมีอาการแพ้ได้ง่าย เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แต่เดิม เคยถูกแมลงในตระกูลเดียวกันต่อยมาก่อน หรือเคยแพ้แมลงพวกนี้มาก่อน ซึ่งอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) ได้

ในบางรายปฏิกิริยาภูมิแพ้อาจเกิดขึ้นช้า ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังถูกต่อย ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ ผื่นคัน ข้อบวมกดเจ็บ ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไป บางรายอาจเกิดไตอักเสบ โรคไตเนโฟรติก หลอดเลือดอักเสบ (necrotizing vasculitis) โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ประสาทตาอักเสบ (optic neuritis) ไขสันหลังอักเสบ (transverse myelitis) กลุ่มอาการกิลเลนบาร์เร เป็นต้น

     ในรายที่ถูกผึ้งหรือต่อรุมต่อยจำนวนมาก เช่น ไปแหย่รังผึ้งรังต่อ ถูกต่อยมากกว่า 30-40 แผล (เด็กถูกต่อย 5-10 แผล) พิษจะซึมเข้ากระแสเลือดจำนวนมากก่อให้เกิดภาวะพิษต่อร่างกายโดยตรง (โดยไม่ใช่ปฏิกิริยาภูมิแพ้) อาจทำให้เกิดภาวะช็อกแบบเดียวกับภาวะช็อกจากอาการแพ้ เรียกว่า ปฏิกิริยาอะนาไฟแล็กทอยด์ (anaphylactoid reaction) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในการถูกผึ้งหรือต่อต่อยครั้งแรกในชีวิต อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และอาจทำให้เสียชีวิตภายในเวลาสั้น ๆ ได้

นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดภาวะพิษในลักษณะอื่น เช่น เม็ดเลือดแดงแตก กล้ามเนื้อลายถูกทำลาย (rhabdomyolysis) ไตวายเฉียบพลัน (ปัสสาวะออกน้อยทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขาดน้ำ) เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงหลังถูกต่อย

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้บ่อยในผู้ที่ถูกต่อต่อยจำนวนมาก

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ผู้ป่วยที่มีอาการเฉพาะที่ไม่รุนแรง

    ถ้าพบว่ามีเหล็กในฝังอยู่ ให้รีบนำเหล็กในออกทันที โดยใช้สันมีดหรือขอบบัตรเครดิตขูดออก หรือใช้เทปเหนียวอย่างใส (สก็อตเทป) ปิดทาบตรงบริเวณที่ถูกต่อยแล้วดึงออก (ไม่ควรใช้ปากคีบคีบออก อาจบีบให้เหล็กในขับพิษออกมากขึ้น) แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่
    ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบบริเวณที่ถูกต่อยนานครั้งละ 20 นาที ช่วยลดอาการปวดและบวมได้ ควรทำซ้ำทุกชั่วโมงจนกว่าอาการจะทุเลา
    ถ้าปวดมากให้กินพาราเซตามอล
    ถ้ามีอาการคันให้ยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน ไดเฟนไฮดรามีน และทาด้วยครีมสเตียรอยด์
    ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักในรายที่ไม่เคยได้ หรือได้ไม่ครบ หรือเคยฉีดเข็มสุดท้ายมานานเกิน 5 ปี
    ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน ถ้าแผลเป็นหนอง
    ผู้ป่วยที่เคยถูกแมลงพวกนี้กัดต่อยมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเคยมีอาการแพ้ ควรให้ยาแก้แพ้และเฝ้าสังเกตอาการแพ้อย่างใกล้ชิด ถ้าเคยมีประวัติการแพ้รุนแรงมาก่อน ควรรับไว้สังเกตการณ์ในโรงพยาบาล
    แม้ว่าผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง หรือแผลที่ถูกต่อยทุเลาเป็นปกติแล้ว ก็ควรให้ผู้ป่วยสังเกตดูอาการต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถ้าพบมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ผื่น คัน ข้ออักเสบ ซีด จุดแดงจ้ำเขียว บวม แขนขาชาหรืออ่อนแรง ตามัว เป็นต้น อาจเป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นช้าก็ได้ แนะนำให้ผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์โดยเร็ว
    ถ้าถูกแมลงต่อยในช่องปาก นอกจากให้ยาแก้แพ้แล้ว ควรสังเกตอาการบวมของเยื่อบุช่องปาก ถ้าพบว่ามีอาการปากคอบวม พูดลำบาก หายใจลำบาก หรือพบในเด็ก ควรรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
    ถ้าถูกแมลงต่อยที่ตา ควรดูแลป้องกันและรักษาแผลกระจกตา

2. ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้หรือเกิดพิษรุนแรง เช่น มีลมพิษทั่วตัว มีอาการบวมคันที่บริเวณนอกรอยแผลที่ถูกต่อย (เช่น หนังตาบวม ริมฝีปากบวม) หายใจลำบากหรือมีเสียงวี้ด มีภาวะช็อก (เป็นลม ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชีพจรเบาและเร็ว ความดันเลือดต่ำ) แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและความรุนแรงที่พบ เช่น

ในรายที่เป็นลมพิษหรือบวม คันทั้งตัว แพทย์จะฉีดยาแก้แพ้และอะดรีนาลิน บางรายแพทย์อาจให้รานิทิดีนร่วมด้วย

ในรายที่หายใจมีเสียงวี้ด ให้ยากระตุ้นบีตา 2 สูด ร่วมกับยาสเตียรอยด์

ในรายที่มีภาวะช็อกทั้งที่เกิดจากภาวะแพ้ (anaphylaxis) หรือภาวะพิษ (anaphylactoid) ก็ให้การรักษาแบบภาวะช็อกจากการแพ้ ได้แก่ ฉีดอะดรีนาลิน ยาเเก้เเพ้ รานิทิดีน และสเตียรอยด์ ให้น้ำเกลือนอร์มัล หรือริงเกอร์แล็กเทต รวมทั้งให้โดพามีน

ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากการแพ้ เมื่อรักษาจนดีขึ้นแล้ว หลังหยุดยาอาจมีอาการกำเริบซ้ำได้อีก จึงควรสังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

ในรายที่มีอาการหายใจลำบาก แพทย์อาจใส่ท่อหายใจหรือทำการเจาะคอช่วยหายใจ

3. ผู้ป่วยที่ถูกผึ้งหรือต่อรุมต่อยจำนวนมาก

ในรายที่ยังไม่มีอาการแสดง แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ทำการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดดูค่าอิเล็กโทรไลต์และการทำงานของไต (ตรวจค่าครีอะตินีน และบียูเอ็น) และให้การรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เช่น รักษาภาวะช็อก ทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) ในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย เป็นต้น

การดูแลตนเอง

เมื่อถูกผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หมาร่า มดตะนอย หรือมดคันไฟต่อย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ถ้าพบว่ามีเหล็กในฝังอยู่ ให้รีบนำเหล็กในออกทันที โดยใช้สันมีดหรือขอบบัตรเครดิตขูดออก หรือใช้เทปเหนียวอย่างใส (สก็อตเทป) ปิดทาบตรงบริเวณที่ถูกต่อยแล้วดึงออก หรือใช้กุญแจที่มีรูกดตรงเนื้อเยื่อรอบ ๆ เหล็กใน ให้เหล็กในโผล่ขึ้นมาแล้วค่อยคีบออก
    การเอาเหล็กในออกโดยวิธีดังกล่าว เหมาะสำหรับกรณีที่ถูกแมลงต่อยเพียงไม่กี่ตัว แต่ถ้าถูกต่อยจำนวนหลายตัวควรรีบนำผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้าน ให้แพทย์หรือพยาบาลทำได้ง่ายและปลอดภัยกว่ากัน และจำเป็นต้องให้ทางโรงพยาบาลเฝ้าสังเกตอาการแพ้ที่รุนแรงและให้การดูแลช่วยเหลือได้ทันท่วงที
    ทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่
    ทาแอมโมเนีย ยาหม่อง หรือครีมสเตียรอยด์
    ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบบริเวณที่ถูกต่อยนานครั้งละ 20 นาที ช่วยลดอาการปวดและบวมได้ ควรทำซ้ำทุกชั่วโมงจนกว่าอาการจะทุเลา
    ถ้าปวดมากให้กินพาราเซตามอล*


ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีภาวะช็อก (มีอาการหน้ามืด เป็นลม เหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย) หรือหายใจลำบาก หายใจหอบ หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ ถ้าพกพายาฉีดอะดรีนาลิน (ตามที่แพทย์แนะนำสำหรับผู้ที่เคยแพ้มดแมลงพวกนี้มาก่อน) มาด้วย ควรฉีดยานี้ทันทีระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล
    ถูกผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หรือ หมาร่า ต่อยหลายตัว
    เคยมีประวัติแพ้ผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หมาร่า หรือมดแมลงแบบรุนแรงมาก่อน
    บวมคันทั่วตัว หรือเป็นลมพิษ
    มีอาการปวดแผลมาก (กินยาพาราเซตามอลไม่ได้ผล) หรือบวมมาก
    อาการตุ่มคันหรือบวมแดงไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. กำจัดขยะและเศษอาหารในบริเวณบ้าน เพื่อไม่ให้มีแมลงพวกนี้มาตอม

2. ในกรณีที่ต้องเดินทางเข้าไปในที่ ๆ มีแมลงพวกนี้ชุกชุม หรือออกไปกลางแจ้ง ไม่ควรใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด ลายดอกไม้ หรือใส่น้ำหอม ซึ่งเป็นสิ่งล่อให้ผึ้งหรือต่อบินมาต่อยได้

3. อย่าแหย่หรือทำลายรังต่อรังผึ้ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเตือนเด็ก ๆ อย่ากระทำดังกล่าว) การกำจัดรังต่อรังผึ้ง ควรใช้ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ

4. ถ้าถูกแมลงโดยเฉพาะต่อต่อย ควรวิ่งหนีโดยเร็วที่สุด ให้ห่างจากรังเกิน 7 เมตร ซึ่งต่อมักจะไม่ตามไป ควรใช้ผ้าคลุมศีรษะป้องกันไม่ให้ต่อติดอยู่ในผม ซึ่งจะต่อยซ้ำ ๆ ได้

ข้อแนะนำ

1. เมื่อถูกแมลงที่มีเหล็กในต่อย ควรรีบเขี่ยออกทันที จะช่วยลดปริมาณพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ป้องกันมิให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ ปกติเมื่อถูกผึ้งต่อยจะต้องกินเวลา 2-3 นาที กว่าพิษจะถูกปล่อยออกมาหมด

2. ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะถูกแมลงพวกนี้ต่อยเพียงตัวเดียวหรือไม่กี่ตัว ซึ่งจะมีเพียงอาการเฉพาะที่ และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ส่วนน้อยอาจเกิดพิษหรืออาการแพ้รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ถูกผึ้งหรือต่อรุมต่อยจำนวนมาก เคยมีประวัติถูกแมลงตระกูลเดียวกันต่อยมาก่อน หรือเคยแพ้แมลงพวกนี้มาก่อน

3. ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ผึ้ง ต่อ แตน แมลงภู่ หมาร่า หรือมดแมลงมาก่อน ควรป้องกันอย่าให้ถูกต่อยซ้ำ ถ้าหากต้องเข้าไปอยู่ในที่เสี่ยงต่อการถูกต่อย ควรพกยาแก้แพ้และยาฉีดอะดรีนาลินไว้ปฐมพยาบาลเมื่อถูกต่อย

4. สำหรับผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการถูกแมลงต่อย เช่น พนักงานป่าไม้ นักเดินป่า ลูกเสือเวลาออกค่าย เป็นต้น ควรมีชุดปฐมพยาบาล เช่น ยาฉีดอะดรีนาลิน พร้อมอุปกรณ์การฉีดยา ยาเม็ดคลอร์เฟนิรามีน ครีมสเตียรอยด์ เป็นต้น ไว้ปฐมพยาบาลเมื่อถูกแมลงต่อย

5. ผู้ที่แพ้แมลงบ่อย ๆ อาจลดการแพ้ด้วยการขจัดภูมิไว (desensitization) โดยการฉีดน้ำสกัดของแมลงพวกนี้ให้ผู้ป่วยทีละน้อยและบ่อย ๆ ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการทางโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะ

4
จัดฟันบางนา: จัดฟันแบบใส ช่วยให้ฟันมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าเกินคาด

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันที่สวยเป็นธรรมชาติ สร้างความมั่นใจ สร้างรอยยิ้มได้อย่างสวยงาม มีเสน่ห์ เชื่อว่าหลายคนที่กำลังจะเข้ารับการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด อาจจะต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆก่อนเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับคำปรึกษาจากทันตแพทย์จัดฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบใส ก็เป็นการจัดฟันอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องบอกว่า ตอบโจทย์ไลพ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

สำหรับการจัดฟันแบบใส หลายคนมองว่าค่าใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป เพราะด้วยการจัดฟันแบบใส มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาตั้งแต่ขั้นตแผนการวางแผนการรักษาไปจนถึงการรักษาจนเสร็จสิ้นการรักษา ดังนั้น การจัดฟันแบบใส ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง แต่ผลการรักษาและประสิทธิภาพ รับรองว่า คุ้มค่าเกินราคาแน่นอน อาจจะสงสัยว่า การจัดฟันแบบใส มีประสิทธิภาพอย่างไร ต้องบอกว่า การรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาที่จะทำให้ฟันของเรามีประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี ทำให้ดีต่อสุขภาพโดยรวมของเราด้วย

วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแบบใส ที่ช่วยทำให้ฟันของเรามีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้เราสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ แถมยังช่วยทำให้มีรอยยิ้มที่สวยงามเป็นธรรมชาติอีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาด้วยการจัดฟันที่มีความสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่ การรับประทานอาหาร ไปจนถึงขั้นตอนการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ด้วยการจัดฟันแบบใส จะช่วยทำให้ฟันของเราเรียงตัวอย่างสวยงาม เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าจะส่งผลทำให้การรับประทานอาหาร การบดเคี้ยวอาหารเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าการจัดฟันแบบใส จะสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสได้ขณะรับประทานอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย ส่งผลให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้รับประทานอาหารที่ชื่นชอบ และทำให้มีการบดเคี้ยวอาหารที่ดีขึ้นด้วย เพราะการที่ฟันของเราเรียงตัวอย่างระเบียบเรียบร้อย จะทำให้มีประสิทธิภาพในการรับประทานอาหาร ช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ ทั่วถึงมาก

ยิ่งขึ้นนั่นเอง นี่จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่า การเข้ารับการจัดฟันแบบใส จะช่วยทำให้ฟันของเราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และคุ้มค่ากับเงินที่เราเสียไปอย่างแน่นอน เรียกว่าได้ผลดีเกินคาดเลยทีเดียว หากใครสนใจเข้ารับการรักาด้วยการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้เราได้รับการการันตีว่า การบริการของทางคลินิกมีความน่าเชื่อถือ และสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้คลินิกของเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign เพื่อเป็นการการันตีอีกขั้นหนึ่งว่า คลินิกของเรามีมาตรฐานตามระบบสากล มีความน่าเชื่อถือ มีทันตแพทย์ที่ผ่านการอบรมขั้นสูงจาก Invisalign จึงทำให้มั่นใจได้ว่า หากเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสจากทางคลินิกคุณจะมีฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบ มีฟันที่สวยงาม สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมยังมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

5
บริหารจัดการอาคาร: ล้างแอร์ฆ่าเชื้อไวรัส ป้องกันโควิด-19

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ต้องล้างแอร์รับลมร้อนกันแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 บุกพวกเราหนักขนาดนี้ ทำให้การบริการทั้งหลายต้องหยุดให้บริการชั่วคราว จะเรียกช่างมาล้างแอร์ให้ ก็เกรงว่าช่างจะมีเชื้อโควิด-19 หรือเปล่า อย่ากังวล ในบทความนี้เอาวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองมาบอกกัน ทั้งล้างแอร์รับลมร้อน ทั้งฆ่าเชื้อไวรัส ป้องกันโควิด-19 ก็ทำได้

          เพราะอากาศร้อน บางบ้านที่มีคนอยู่บ้านตอนกลางวันด้วย ก็ต้องเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืนเลย แบบนี้จะทำให้แอร์มีความชื้นทั้งที่ตัวแอร์และตัวท่อแอร์ เป็นสาเหตุให้เชื้อโรคต่าง ๆ เจริญเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และที่สำคัญคือ เชื้อไวรัส ซึ่งอาจจะเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดในตอนนี้ก็ได้

          แล้วเมื่อไหร่ถึงควรล้างแอร์...? ช่วงเวลาของการล้างแอร์ ไม่ใช่แค่ก่อนเข้าหน้าร้อนเท่านั้น แต่ควรล้างทำความสะอาดแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่หากใช้แอร์เป็นประจำควรล้างแอร์ 6 เดือน/ ครั้ง หรือสามารถล้างแอร์เป็นประจำได้ โดยดูตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมและการใช้งานแอร์ได้เลย เช่น ถ้าเปิดแอร์แล้วอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นอับ เบื้องต้นควรถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้าง แต่ถ้ากลิ่นยังไม่หาย ให้ล้างทำความสะอาดแอร์แบบเต็มระบบ

          อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก่อนการล้างแอร์

          1. ไขควง

          2. เครื่องฉีดน้ำแรงดัน/ สายฉีดและหัวฉีด

          3. โบลวเวอร์ (เครื่องเป่าลม)

          4. ผ้าใบ/ ถังน้ำ

          5. แปรง/ น้ำสบู่/ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค

          ทีนี้เราลองมาเริ่มล้างแอร์ด้วยตัวเองกัน ก่อนอื่นต้องปิดเบรกเกอร์เพื่อตัดไฟก่อน ไฟจะได้ไม่ช็อต

          1. เริ่มด้วยการเปิดหน้ากากแอร์ แล้วถอดแผ่นกรองอากาศ (ฟิลเตอร์) ออกมา ระวังอย่าให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ฟุ้งกระจาย รวบรวมรอเอาไปล้างทำความสะอาด ซึ่งควรถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้างอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือล้างเมื่อฝุ่นเริ่มหนา

          2. ขันสกรูน็อตที่ยึดหน้ากากแอร์และฝาครอบแอร์ จากนั้นถอดออกมา รวบรวมรอทำความสะอาด

          3. ขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้ง และถอดมอเตอร์สวิงออก จากนั้นขยับถาดน้ำทิ้งเพื่อปลดล็อคและดึงออกมา รวบรวมไปทำความสะอาด

          4. ถอดแผ่นเกล็ดกระจายลมออก เพื่อรวบรวมไปทำความสะอาดเช่นกัน

          5. ใช้ถุงพลาสติกครอบวงจรไฟฟ้าของแอร์ให้มิดชิด

          6. นำผ้าใบมาขึง โดยคลุมที่ใต้แอร์และพาดลงไปในถังพลาสติก ให้ผ้าใบเป็นลักษณะคล้ายกรวยที่ลำเลียงน้ำลงถัง และเพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นไปที่กำแพงหรือหยดลงพื้น

          7. ฉีดล้างทำความสะอาดให้ทั่วแผงคอยล์เย็น ด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันหรือสายฉีดน้ำทั่วไปก็ได้

          8. จากนั้นใช้โบลวเวอร์ (เครื่องเป่าลม) เป่าแผงคอยล์เย็นและแผงวงจรไฟฟ้าให้แห้งสนิท

          9. ใช้แปรงและน้ำสบู่ขัดล้างแผ่นกรองอากาศ หน้ากากแอร์ ฝาครอบแอร์ ถาดน้ำทิ้ง และแผ่นเกล็ดกระจายลม ที่สำคัญช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบนี้ ควรผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเพื่อทำความสะอาดด้วย จากนั้นใช้เครื่องเป่าลม เป่าให้แห้งสนิท

          10. เมื่อล้างทำความสะอาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้ประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าที่ โดยเริ่มจากแผ่นเกล็ดกระจายลม แล้วย้อนกลับไปตามลำดับจากตอนที่ถอด

          11. มาถึงขั้นตอนล้างทำความสะอาดคอยล์ร้อน (คอมเพรซเซอร์แอร์ที่ตั้งอยู่นอกบ้าน) ล้างง่าย ๆ แค่ฉีดน้ำไล่ฝุ่นจากด้านนอกเครื่องให้สะอาด โดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนออก

          12. ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่จะช่วยปกป้องคุณจากเชื้อโรคได้ ในขณะที่ยังปิดแอร์อยู่ ให้ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคเข้าไปที่ช่องหน้ากากแอร์ ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที

          13. ขั้นตอนสุดท้าย ให้ลองเปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อทดสอบความปกติของระบบต่าง ๆ ของแอร์ และไล่ความชื้นที่อาจค้างจากการล้างแอร์



6
หมอออนไลน์: หูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa)

หูชั้นนอกอักเสบ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย แต่จะพบมากในวัยหนุ่มสาว

อาจพบเป็นรุนแรงในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคเอดส์


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus aureus) สูโดโมแนส (Pseudomonas aeruginosa ) อาจเป็นฝีเฉพาะที่ หรือมีการอักเสบทั่วไปของผิวหนังที่อยู่ในรูหู

มักจะพบหลังเล่นน้ำ มีน้ำค้างอยู่ในช่องหู หรือเกิดแผลถลอกจากการแคะหู (เนื่องจากคันในรูหู หรือแคะขี้หู) หรือการใส่อุปกรณ์ (เช่น หูฟัง เครื่องช่วยฟัง) ในช่องหู

นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการคันหูจากการระคายเคืองหรือการแพ้ที่บริเวณหูจากสารบางอย่าง (เช่น ยาย้อมผม สเปรย์ผม เครื่องประดับ) มักจะมีการแคะหู ทำให้เกิดการอักเสบตามมาได้


อาการ

มีอาการปวดและคันในรูหู อาจมีน้ำเหลืองหรือหนองไหล

หากการอักเสบรุนแรงมากขึ้น มักมีอาการปวดหูมาก หูอื้อ มีไข้ และหูชั้นนอกมีอาการบวมแดงมากขึ้น


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่เมื่อได้รับการรักษามักจะหายเป็นปกติ ส่วนน้อยอาจกลายเป็นหูชั้นนอกอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากเชื้อโรคที่ดื้อยา มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมกับเชื้อรา มีการแพ้ยาหยอดหู หรือมีโรคภูมิแพ้เรื้อรังของผิวหนัง

การอักเสบอาจลุกลาม ทำให้เยื่อแก้วหูทะลุ

ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน เอดส์) อาจมีการติดเชื้อรุนแรง เรียกว่า "หูชั้นนอกอักเสบชนิดร้าย (malignant otitis externa)" เชื้ออาจลุกลามเข้ากระดูกของช่องหูชั้นนอก กลายเป็นโรคกระดูกอักเสบ (osteomyelitis) และอาจลุกลามเข้าสมอง (ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ) หรือเส้นประสาทข้างเคียง (ทำให้เกิดอาการอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ลักษณะอาการที่สำคัญ คือ เวลาดึงใบหูแรง ๆ จะทำให้เจ็บในรูหูมากขึ้น (ผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นกลางอักเสบจะตรวจไม่พบอาการเช่นนี้)

เมื่อใช้เครื่องส่องหู (otoscope) จะเห็นลักษณะการอักเสบหรือฝีอยู่ในช่องหู ส่วนเยื่อแก้วหูมักจะเป็นปกติและไม่มีรูทะลุ (ยกเว้นในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน อาจพบแก้วหูทะลุ)

บางรายอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่หน้าหู หลังหู หรือบริเวณคอ

บางกรณี แพทย์จะนำหนองในหูไปตรวจหาเชื้อต้นเหตุ


การรักษาโดยแพทย์

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย แพทย์จะให้ยาหยอดหูที่เข้ายาปฏิชีวนะหยอดหูวันละ 3-4 ครั้ง ถ้ามีหนองไหล ก่อนหยอดยาแพทย์จะใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดช่องหู เพื่อให้ยาหยอดหูออกฤทธิ์ได้

ในรายที่ใช้ยาหยอดหูเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล หรือมีการอักเสบมาก (เช่น ปวดหูมาก หรือมีไข้) แพทย์จะให้กินยาแก้ปวดลดไข้และยาปฏิชีวนะ (เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน, อีริโทรไมซิน) ถ้าดีขึ้นให้ยาปฏิชีวนะสัก 5-7 วัน

ถ้าไม่ดีขึ้นหรือเป็นบ่อย หรือพบว่าเป็นรุนแรงในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน หรือโรคเอดส์ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ (เช่น ตรวจเลือด นำหนองในหูไปตรวจหาเชื้อต้นเหตุ) และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดหู มีน้ำเหลืองหรือหนองไหลออกจากหู ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหูชั้นนอกอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดการลงเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือว่ายน้ำในสระหรือแม่น้ำลำคลอง
    งดการเดินทางโดยเครื่องบิน
    หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ใด ๆ สวมใส่หู
    เวลาอาบน้ำ ใช้สำลีหรือวัสดุอุดรูหูป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหู

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษา 2-3 วันแล้วอาการไม่ทุเลา
    มีไข้สูง หรือปวดหูมากขึ้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการแคะหูด้วยนิ้วมือ ไม้แคะหู ไม้พันสำลี หรือสิ่งอื่น ๆ
    หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำหรือว่ายน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด
    เวลาใช้สเปรย์ผมหรือยาย้อมผม ควรใช้สำลีอุดหู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้
    หลังอาบน้ำ สระผม หรือว่ายน้ำ ควรใช้ผ้าเช็ดบริเวณรอบ ๆ ใบหูให้แห้ง และตะแคงหูลงทีละข้างลงด้านล่าง แล้วเคาะที่ศีรษะเบา ๆ เพื่อให้น้ำระบายออกจากหู ป้องกันไม่ให้มีน้ำค้างอยู่ในช่องหู (ไม่ให้ใช้ไม้พันสำลีแยงหูเพื่อซับน้ำ อาจทำให้เกิดแผลถลอกได้)
    ผู้ที่มีหูอักเสบ หรือหลังได้รับการผ่าตัดหู ก่อนจะลงเล่นน้ำหรือว่ายน้ำในสระ ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษาว่าสมควรหรือไม่

ข้อแนะนำ

โรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ส่วนมากสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 5-7 วัน แต่ถ้ามีอาการกำเริบใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง หรือพบว่าหูชั้นนอกมีการอักเสบรุนแรง (ปวดหูมาก หนองไหล มีกลิ่นเหม็น หูตึง อาจมีอาการปากเบี้ยว) แพทย์จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุ เช่น ตรวจเลือดว่าเป็นเบาหวาน หรือโรคเอดส์หรือไม่



7
motor show 2025: เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่ง The new CLE Coupé ลงตลาดสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู ประเดิมด้วย CLE 300 4MATIC Coupé และตัวแรง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข่าวเปิดตัว The new CLE Coupé ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่เข้ามาแทนที่ตระกูล Coupé ทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ บุกตลาดประเทศไทยด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาดในเซกเมนต์ Dream Car ออกแบบขนาดมิติตัวถังเทียบเท่า E-Class Coupé ประเดิมเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่น นำโดย CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé จัดเต็มด้วยการติดตั้งอุปกรณ์และระบบการขับขี่ขั้นสูงที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู รุ่นประกอบในประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกคนเป็นเจ้าของผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษกับ Premium Gift Set สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้า 100 คนแรก ที่ได้รับมอบรถในเดือนตุลาคม 2567
 
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถสปอร์ต 2 ประตู โดยมีจุดเริ่มต้นความสำเร็จมาจากโมเดล Classic Coupé อย่างรุ่น Mercedes-Benz Coupé หรือที่รู้จักกันดีในฐานะ E-Class Coupé รหัสตัวถัง C123 ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ต 2 ประตูรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้ามาในประเทศไทย ตามด้วย Mercedes-Benz CE รหัสตัวถัง C124 ก่อนจะเข้าสู่ยุค Modern Luxury Coupé ด้วยการแนะนำ CLK ที่ทำตลาดต่อเนื่อง 2 เจเนเรชัน และกลับมาใช้ชื่อ E-Class Coupé อีกครั้ง ด้วยรหัสตัวถัง C207 จนมาถึงรุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในไทยอย่าง C238 โดยรถในตระกูล Coupé ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
 
ในวันนี้ เราต้องการพาทุกคนก้าวสู่ยุคใหม่ของรถตระกูล Coupé ด้วยการแนะนำ The new CLE Coupé รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู เจเนเรชั่นล่าสุด ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลงใหลในยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมความหรูหรา ผสานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และรุ่นสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ขั้นสูงสุดอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé
 
The new CLE Coupé ทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด MBUX Gen20x ซึ่งนับเป็นรุ่นที่ 2 ของรถที่ทำตลาดในประเทศไทย หลังจาก The new E-Class โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าวมีความโดดเด่นด้วยระบบควบคุมการสร้าง routines mode หรือ AI-generated routines ที่ผสานระบบ AI ในการเรียนรู้และบันทึกรูปแบบการใช้งานของผู้ขับขี่ และยังมีการออกแบบปุ่มไอคอนให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า พร้อมแยกสีให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัย Euro NCAP อีกทั้งยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกมิติ
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 3,950,000 บาท
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ในเซกเมนต์เดียวกับ E-Class Coupé นำเสนออีกขั้นของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความสปอร์ต ความหรูหรา และความทันสมัยตามสไตล์ยนตรกรรมยุคใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V
 
ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ กระจายการส่งกำลังที่ด้านหน้า 45% และด้านหลัง 55% ใช้เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
 
เมื่อเปรียบเทียบกับ E-Class Coupé จะพบว่ารถยนต์คันนี้มีตัวถังที่ยาวขึ้น กว้างขึ้น และเตี้ยกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยมีมิติตัวถังขนาดความยาว 4,850 มม., ความกว้าง 1,861 มม., ความสูง 1,422 มม. และระยะฐานล้อ 2,865 มม. มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน AMG Bodystyling สะท้อนความสปอร์ตบนท้องถนนในทุกมิติ

 
มอบความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทางด้วยไฟหน้า DIGITAL LIGHT ซึ่งเป็นไฟหน้าอัจฉริยะที่มีความละเอียดสูงถึง 1 ล้านพิกเซลต่อ 1 โคมหลอด แบบ HD system และเทคโนโลยี Adaptive Highbeam Assist ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร ด้านบนมาพร้อมหลังคา Panoramic roof
 
และช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอย AMG multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว ผสานการทำงานกับ Sports suspension ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ถังน้ำมันขนาดความจุ 66 ลิตร ยังช่วยมอบอิสรภาพในการเดินทางที่มากยิ่งกว่าที่เคย

 
ทางด้านดีไซน์ภายในมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package มอบความรู้สึกแบบสปอร์ตลักชัวรี่ด้วยแผงคอนโซลกลางแบบ high-gloss black สีดำ ด้านบนของคอนโซลหน้า (Instrument panel) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตกแต่งลายแบบ Nappa เสริมความดุดันด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังทรงสปอร์ตสีแดงภายในห้องโดยสาร
 
และสะดวกกับการขับขี่ไปกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต แสดงผลด้วยหน้าจอรูปแบบใหม่ที่สามารถล็อกอินเข้าใช้งานด้วยระบบ Fingerprint scanner หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอบริเวณคอนโซลกลางขนาด 11.9 นิ้ว ในส่วนของระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC 2 โซน ก็ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน
 
CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมแพลตฟอร์มความบันเทิงที่สามารถเชื่อมต่อสตรีมมิ่งต่าง ๆ อย่างง่ายดาย ทั้งยังให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การฟังเพลงด้วยระบบเสียงระดับพรีเมียมอย่าง Burmester® 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่จะเพิ่มอรรถรสทางดนตรีและเพลิดเพลินกับเพลงโปรดในทุกเส้นทาง พร้อมรองรับอินเทอร์เน็ต 5G ในการเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึง Podcast ภาพยนตร์ เกม ไปจนถึงการประชุมผ่าน Zoom ให้ทุกการเดินทางครบจบได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic ยังครบครันด้วยระบบความปลอดภัยอีกมากมาย  โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White), สีดำ (Obsidian Black), สีเทา (Graphite Grey), สีเงิน (High-tech Silver) และสีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) ราคา 3,950,000 บาท
 
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé ราคา 5,250,000 บาท
 
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé รถสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง มาพร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงจาก Mercedes-AMG ที่มีมากที่สุดในบรรดารถรุ่นประกอบในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น AMG Performance 4MATIC+, AMG DYNAMIC PLUS Package, Active engine mount และ AMG Real Performance Sound โดยใช้เครื่องยนต์ชุดเดียวกับ CLS 53 และ GLE 53
 
ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า Mild-Hybrid 48V ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ สามารถกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบ 100% ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.2 วินาที และเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งแพ็กเกจ AMG Driver’s Package ช่วยปลดล็อกความเร็วได้สูงสุดถึง 270 กม./ชม.
 
Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé มาพร้อมการเพิ่ม AMG DYNAMIC PLUS Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มอบไดนามิกการขับขี่ที่ปราดเปรียวและเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่น RACE START และ Drift mode ภายใต้โหมด DYNAMIC SELECT
 
ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Y-spoke ขนาด 20 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน black accents ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL ที่ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มความปราดเปรียวแต่ยังคงความสบายในการเดินทาง ทั้งยังติดตั้ง Active engine mounts ซึ่งเป็นลูกยางล้อมแท่นเครื่องไฟฟ้า นอกจากจะคงความนุ่มนวลขณะขับขี่บนพื้นถนนปกติแล้ว ยังช่วยยึดเกาะเพื่อไม่ให้เกิดการสั่นขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนสนามแข่งด้วยเช่นกัน
 

ดีไซน์ภายนอกเพิ่มความดึงดูดสายตาบนท้องถนนด้วยการตกแต่งแบบ AMG Night Package มอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior และเป็นครั้งแรกของรถยนต์ประกอบในประเทศที่มาพร้อมฝากระโปรงแบบ Power dome พร้อมกับ Central air outlet มีช่องปล่อยอากาศที่เข้ามาจากหน้าเครื่องยนต์และระบายบนฝากระโปรง ไฟหน้า DIGITAL LIGHT ผสานการทำงานกับ Adaptive Highbeam assist Plus ที่จะมอบความปลอดภัยขณะขับขี่แบบไร้กังวล

 
ระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 4 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต จะช่วยให้ควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกสภาวะการขับขี่ มาพร้อมระบบ Active rear-axle steering สามารถเลี้ยวล้อหลังได้สูงสุดถึง 2.5 องศา เมื่อวิ่งด้วย
ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. และเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะมีการปรับล้อหลังได้สูงสุดอยู่ที่ 0.7 องศา
 
ติดตั้งระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound ซึ่งเป็นนวัตกรรมท่อที่ดีที่สุดของ Mercedes-AMG มอบเสียงที่เร้าใจและแตกต่างกันตามโหมดการขับขี่ และสามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด
 
ภายในห้องโดยสารมอบรายละเอียดการตกแต่งที่โดดเด่นตามสไตล์สปอร์ตในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและไมโครไฟเบอร์ ให้ความรู้สึกนุ่มสบายขณะโดยสาร มอบการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX Gen20x ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น
 

หน้าจอธีมพิเศษของ AMG การวัดแทร็กสนาม และการเรียนรู้ด้วยระบบ AI ที่จะผสานเข้ากับการทำงานของโหมด routine ทำให้สามารถเรียนรู้ข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละบุคคล และบันทึกไว้ในระบบเพื่อความสะดวกสบายแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อม AMG Head-up Display, MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® 3D surround sound system ลำโพง 17 ตัว กำลังขับ 710 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ
 

 
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ (Obsidian Black), สีน้ำเงิน (Spectral Blue), สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid), สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีแดง (MANUFAKTUR Patagonia Red) ในราคา 5,250,000 บาท

8
โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ: โปลิโอ (Poliomyelitis)

โปลิโอ (Poliomyelitis) เป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้เกิดอาการร้ายแรง สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งอาจไปทำลายระบบประสาทจนส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีภาวะอัมพาต หายใจลำบาก หรือถึงแก่ความตายได้ โดยส่วนใหญ่เชื้อโปลิโอจะแพร่กระจายจากคนไปสู่คนผ่านการรับเชื้อที่ถูกขับถ่ายออกมาพร้อมกับอุจจาระเข้าสู่ทางปาก

ประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยโรคโปลิโอตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แต่เด็กทุกคนยังคงต้องได้รับวัคซีนป้องกันโปลิโอ เนื่องจากโปลิโออาจทำให้เป็นอัมพาต หรือร้ายแรงถึงชีวิต และปัจจุบันประเทศไทยยังเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคจากต่างประเทศ ทั้งจากเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ธรรมชาติ และเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์


สาเหตุของโรคโปลิโอ

โรคโปลิโอเกิดจากไวรัสโปลิโอเชื้อสายพันธุ์ธรรมชาติ (Wild-type Poliovirus: WPV) มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 1, 2 และ 3 ที่จะอาศัยอยู่แต่ภายในร่างกายของมนุษย์เท่านั้น โดยไวรัสชนิดนี้ติดออกมากับอุจจาระของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโปลิโอ การสัมผัสกับผู้ป่วยโรคนี้โดยตรง หรือเมื่อไอ จาม และแพร่กระจายผ่านการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนมาในอาหารหรือน้ำที่รับประทานเข้าไป

ไวรัสโปลิโอจะเดินทางเข้าไปภายในปาก ผ่านลำคอ ลำไส้ แล้วจึงเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น หรือในบางกรณียังสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังระบบประสาทในที่สุด โดยสามารถแพร่กระจายจากผู้ป่วยตั้งแต่ก่อนเริ่มแสดงอาการไปจนถึงหลายสัปดาห์ถัดไป ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการใด ๆ ปรากฏเลยก็ยังสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโปลิโอได้

นอกจากนี้ มีเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ (VDPVs) ซึ่งสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้เหมือนสายพันธุ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโปลิโอ ซึ่งยังพบในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น เมียนมา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ การให้วัคซีนจึงเป็นวิธีช่วยป้องกันโรคโปลิโอที่มีประสิทธิภาพ แม้ในประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคนี้แล้วก็ตาม

โปลิโอพบบ่อยในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี แต่ก็อาจพบได้ในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอ และมีภาวะต่อไปนี้

    หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
    เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
    เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอ
    ทำงานในห้องปฏิบัติการที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
    ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
    มีความเครียดมากเกิน หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหนักหลังมีการสัมผัสกับไวรัส ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง

อาการโรคโปลิโอ

ผู้ติดเชื้อไวรัสโปลิโอประมาณ 70–95% มักไม่มีอาการใด ๆ แต่ผู้ป่วยที่มีอาการสามารถแบ่งกลุ่มตามอาการที่ปรากฏได้ดังนี้

1. กลุ่มไม่แสดงอาการหรือมีอาการคล้ายโรคหวัด (Abortive Polio)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะแสดงอาการเล็กน้อยคล้ายอาการหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยบางคนอาจเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 3–7 วัน และอาจมีอาการอยู่เพียง 2–3 วัน โดยร่างกายสามารถต่อสู้และกำจัดเชื้อออกไป เช่น

    มีไข้
    ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
    เจ็บคอ
    ปวดท้อง เบื่ออาหาร
    คลื่นไส้ อาเจียน

2. กลุ่มอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Nonparalytic Polio)

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคหวัด ร่วมกับอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส โดยอาจมีอาการประมาณ 3–21 วัน โดยนอกจากมีอาการคล้ายไข้หวัด อาจแสดงอาการต่อไปนี้

    คอแข็ง
    รู้สึกชาหรือปวดแปลบเหมือนมีเข็มทิ่มที่แขนและขา
    กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
    ไวต่อแสง

3. กลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Paralytic Polio)

การติดเชื้อโปลิโอชนิดนี้พบได้น้อย โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ เช่น โปลิโอไขสันหลัง (Spinal Polio) โปลิโอก้านสมองส่วนท้าย (Bulbar Polio) หรือชนิดที่เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างโปลิโอไขสันหลังและก้านสมองส่วนท้าย (Bulbospinal Polio)

อาการเบื้องต้นของโรคโปลิโอในกลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักปรากฏในลักษณะคล้ายโปลิโอกลุ่มเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มแสดงอาการรุนแรงกว่า ดังนี้

    สูญเสียการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ
    กล้ามเนื้อหดเกร็งหรือเจ็บปวดอย่างรุนแรง
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงแบบปวกเปียก บางครั้งมีอาการแย่ลงเพียงข้างใดข้างหนึ่ง
    ภาวะอัมพาตเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือถาวร
    บางคนอาจมีปัญหาด้านการหายใจ การพูด และการกลืนอาหาร

ทั้งนี้ อาการของโรคในผู้ป่วยกลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักไม่พัฒนาเป็นภาวะอัมพาตอย่างถาวร แต่กรณีที่ไวรัสจะเข้าจู่โจมกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ช่วยในการหายใจ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่พบในเด็กหรือผู้ที่เป็นโปลิโอก้านสมองส่วนท้าย


4. อาการหลังเกิดโรคโปลิโอ (Post-polio Syndrome)

อาการกลุ่มนี้เป็นอาการที่อาจกลับมาเกิดขึ้นกับผู้ที่เคยติดเชื้อโปลิโอไปแล้วหลายสิบปี บางคนอาจเพิ่งมีอาการนี้หลังจากเวลาผ่านไปนานถึง 30–40 ปี โดยอาจมีอาการต่าง ๆ เช่น

    กล้ามเนื้อหรือข้อต่ออ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
    กล้ามเนื้อหดตัวหรือลีบลง
    อ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้าหลังการทำกิจกรรมเล็กน้อย
    มีปัญหาในการกลืนหรือหายใจ
    ความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    อดทนต่ออากาศหนาวได้น้อยลง

อาการโรคโปลิโอที่ควรไปพบแพทย์

เนื่องจากอาการโปลิโออาจคล้ายไข้หวัดใหญ่ จึงทำให้สังเกตได้ยาก หากพบว่าอาการไข้หวัดไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการอื่น ๆ  ที่บ่งชี้โรคโปลิโอร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย ส่วนผู้ที่เคยเป็นโรคโปลิโอมาก่อน หากกลับมามีอาการโปลิโอซ้ำ หรือมีอาการผิดปกติที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ควรไปพบแพทย์เช่นกัน


การวินิจฉัยโรคโปลิโอ

แพทย์จะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการสอบถามอาการ และตรวจร่างกายเบื้องต้นว่ามีอาการคอแข็งหรือไม่ มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือไม่ ตรวจดูปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย และภาวะอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ

แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากลำคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยตัวอย่างสารคัดหลั่งในลำคอจะตรวจหาเชื้อเจอเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกที่มีอาการเท่านั้น ส่วนการเจาะน้ำไขสันหลังจะช่วยตัดสาเหตุของโรคระบบประสาทอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป


การรักษาโรคโปลิโอ

ปัจจุบันโรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แพทย์สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยตามอาการ เร่งการฟื้นตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น

อาการหลังการรักษาโรคโปลิโอจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายที่ร่างกายได้รับจากการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อยอาจมีผลการรักษาที่ดี แต่กรณีที่เกิดปัญหาระยะยาวจากการติดเชื้อโปลิโอ ผู้ป่วยอาจต้องรับการรักษาและการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีรักษาโรคโปลิโอ มีดังนี้

    ให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อน
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    ประคบร้อน และใช้ยา เช่น ไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวด
    ออกกำลังกายเบา ๆ และทำกายภาพบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อสูญเสียการทำงานและผิดรูปร่างไป และแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
    ใช้อุปกรณ์ เช่น เฝือก หรืออุปกรณ์ช่วยพยุงแขนขาที่อ่อนแรง
    บางรายที่มีปัญหาด้านการหายใจ อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของโรคโปลิโอ

โรคโปลิโออาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

    ภาวะอัมพาตถาวร
    อาการเจ็บปวดเรื้อรัง
    กล้ามเนื้อหดสั้น (Muscle Shortening) ซึ่งอาจทำให้ข้อต่อและกระดูกผิดรูป
    เกิดกลุ่มอาการหลังเกิดโปลิโอ


การป้องกันโรคโปลิโอ

การป้องกันโปลิโอแบ่งเป็น 2 วิธี คือ

การฉีดวัคซีน

โรคโปลิโอป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีทั้งชนิดหยอด (Oral Polio Vaccine: OPV) และชนิดฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine (IPV) ซึ่งเดิมประเทศไทยใช้วัคซีนแบบหยอดชนิด 3 สายพันธ์ุ (tOPV)

แต่ในปี พ.ศ. 2559 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยกเลิกใช้วัคซีนโปลิโอแบบหยอดชนิด 3 สายพันธ์ุ เนื่องจากในวัคซีนนี้มีไวรัสโปลิโอชนิดหนึ่งที่มักพบว่ามีการกลายพันธุ์ จึงเปลี่ยนมาใช้วัคซีนชนิดฉีด (IPV) จำนวน 1 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน ร่วมกับรับวัคซีนหยอดชนิด 2 สายพันธ์ุ (bOPV) จำนวน 5 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปีตามลำดับ

อย่างไรก็ดี แม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แต่ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่เชื้อโปลิโอจะแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศได้ ในปี พ.ศ. 2566 กระทรวงสาธารณสุขจึงเริ่มนำร่องการให้วัคซีนชนิดฉีด IPV เป็น 2 เข็ม เพื่อรองรับการระบาดของโปลิโอจากสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ โดยแนะนำให้เด็กฉีดวัคซีนสูตร 2 IPV + 3 OPV ดังนี้

    ให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (IPV) จำนวน 2 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 2 เดือน และ 4 เดือน
    ให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) จำนวน 3 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี

นอกจากนี้ ควรรับวัคซีนกระตุ้นเมื่อต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของโรค รวมถึงในกรณีที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบ


การรักษาสุขอนามัย

นอกจากการฉีดวัคซีน การป้องกันและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยรักษาสุขอนามัย เช่น

    ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกฮอล์ล้างมือก่อนรับประทานอาหารเป็นประจำ และล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
    รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ถูกสุขลักษณะ และดื่มน้ำสะอาด
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

9
ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์: สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน-ทิสโก้ (TISCO)
ดอกเบี้ยต่อปีไม่เกิน 5.170 - 5.300%

สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน-ทิสโก้ (TISCO)
อัตราดอกเบี้ยต่ำให้คุณประหยัดมากขึ้น
วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
สบายๆ กับการผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี (ระยะเวลาการผ่อนชำระเมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 70 ปี)
ให้อิสระในการชำระคืนเงินกู้ สามารถจ่ายเกินค่างวดได้ไม่จำกัด และปิดบัญชีด้วยเงินสดได้ตามความต้องการ
ให้คุณสามารถเบิกถอนคืนเงินในส่วนที่ชำระเกินไว้ได้ เพิ่มโอกาสคุณกล้าโปะบ้านได้อย่างสบายใจเพื่อลดดอกเบี้ยจ่ายสูงสุด 50%
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 5.17% ถึง 5.30% ต่อปี

รายละเอียดสินเชื่อ
   สถาบันทางการเงิน            ธนาคารทิสโก้
   ชื่อสินเชื่อ                      สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
   ประเภทสินเชื่อ                 สินเชื่อเงินสดเบิกทั้งจำนวน
   วัตถุประสงค์สินเชื่อ            สินเชื่อเพื่อการโอนหนี้-Refinance
   ลักษณะหลักประกัน           สินเชื่อหลักทรัพย์ค้ำประกัน

   รายละเอียดหลักประกัน
   ผู้มีสิทธิ์กู้                        ผู้มีรายได้ประจำทุกประเภท
   คุณสมบัติผู้กู้
บุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุ 21 – 60 ปี (พนักงานประจำอายุสูงสุดไม่เกิน 55 ปี, เจ้าของกิจการอายุสูงสุดไม่เกิน 60 ปี)
พนักงานประจำ อายุงานปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 1 ปี
ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ประกอบธุรกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี
ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับผู้กู้ (ยกเว้นกรณีคู่สมรสไม่จดทะเบียน)
หลักประกันประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และห้องชุดพักอาศัย
รับหลักประกันเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และนครปฐม

   วงเงินกู้
   ระยะเวลากู้             30 ปี (ระยะเวลาการผ่อนชำระเมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 70 ปี)
   วิธีการคิดดอกเบี้ย     อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

   อัตราดอกเบี้ย
ผู้กู้                       จำนวนเงินกู้   ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมต่อปี
ผู้กู้ทุกประเภท   700,000 บาท   5.170 - 5.300 %
*กู้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนไหว

   รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 5.17% ถึง 5.30% ต่อปี ** คำนวณจากวงเงินกู้ 2 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี ผ่อนชำระ 16,000 บาท/เดือน MRR = 8.15% ต่อปี (ณ วันที่ 6 ต.ค. 66)

   หมายเหตุอัตราดอกเบี้ย         อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจเปลี่ยนแปลงตามจำนวนเงินกู้ อาชีพและเงินเดือนของผู้กู้
   ดอกเบี้ยผิดนัด

ค่าธรรมเนียม
   ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้
   ค่าธรรมเนียมเบิกถอน           โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าการทวงหนี้                   โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าอากรแสตมป์                 0.05% ของวงเงินกู้หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

   ค่าธรรมเนียมอื่นๆที่สำคัญ
ค่าสำรวจ และประเมินหลักประกัน : ตามที่บริษัทประเมินนอกกำหนด
ค่าธรรมเนียมจดจำนอง : ไม่เกิน 1% ของมูลค่าจำนอง หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย : 0.11 ถึง 8% ของทุนประกันภัย
ค่าเบี้ยปรับกรณีปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด (ภายใน 3 ปีแรก นับจากวันทำสัญญาเนื่องจากการรีไฟแนนซ์) : คิด 3% ของยอดหนี้คงค้างตามสัญญา

การชำระคืน
   ยอดชำระขั้นต่ำ             โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระเกินค่างวด       โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระคืนก่อนกำหนด   ไม่มี
   หมายเหตุ                    การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด

10
ทำไมเด็กที่ยังฟันแท้ขึ้นไม่ครบ ต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พอๆกับเรื่องของสุขภาพของเด็กเลยทีเดียว เพราะเด็กในวัยที่ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบ ถือว่าเป้นวัยแห่งการเรียนรู้และเป็นช่วงที่พัฒนาการของเด็กยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองคงรที่จะเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดฟันผุและทำให้เกิดการสูญเสียก่อนวัยอันควร  เพราะการที่ฟันของเด็กหลุดก่อนเวลาอันควรนั้น จะส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ อาจจะส่งผลทำให้ฟันแท้ขึ้นมาผิดรูปหรือบางรายอาจจะเกิดภาวะฟันแท้หาย ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกด้วย

ดังนั้น สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเอาใจใส่อีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรที่จะสังเกตพฤติกรรมการใช้ชีวิตและหมั่นสังเกตความผิดปกติของฟันของเด็กด้วย และถ้าหากพบความผิดปกติในเรื่องของสุขภาพฟัน หรือมีการขึ้นของฟันแท้ที่ผิดปกติ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ฟันแท้ขึ้นครบ เพราะการจัดฟันในปัจจุบันนี้ สามารถรักษาได้ตั้งแต่เด็กที่อายุ 4-15 ปี เพราะพฤติกรรมในวัยเด้กไม่ว่าจะเป็นการดูดนิ้ว ดูดขวดนม ถือว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาฟันได้ในอนาคต ซึ่งหากไม่รีบเข้ารับการรักษาหรือแก้ไข อาจจะส่งผลไปในระยะยาวได้ แต่เมื่อถึงตอนนั้น อาจจะแก้ไขได้ยาก หรือมีปัญหาอื่นลุกลามมาในอนาคตได้ เพราะฉะนั้น รีบแก้ไขจะดีที่สุด

ซึ่งในการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยและคำถามในใจว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านยังมีฟันแท้ที่ยังขึ้นไม่ครบ สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ วันนี้ทางคลินิกของเรามีคำถามในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก สำหรับเด็กที่ยังมีฟันแท้ขึ้นไม่ครบ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็กนั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ ซึ่งเด็กที่มีอายุ 4-7 ปี เหมาะสำหรับการจัดฟันในเด็กที่ใช้เครื่องมือ EF LINE เพราะการจัดฟันในเด็กแบบนี้ มีเครื่องมือการจัดฟันเป็นลักษณะเป็นชิ้นยางที่มีสีสันที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเด็ก ซึ่งง่ายต่อการรักษา เพราะการรักษาทางทันตกรรม เด็กในวัยนี้อาจะยังไม่มีความรู้ความเข้าใจและอาจจะไม่สามารถร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาได้ แต่การรักษาทางทันตกรรมด้วยใช้เครื่องมือ EF LINE ยังสามารถช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็กได้ สามารถปรับตำแหน่งลิ้นได้ และยังแก้ไขความผิดปกติของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้

ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมต่างๆในวัยเด็ก เพราะฉะนั้น การจัดฟันในเด็กนั้น จึงไม่ต้องรอให้เด็กมีฟันแท้ขึ้นครบก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ เช่นเดียวกับเด็กที่มีอายุ 10-15 ปี ที่มีปัญหาฟันแล้วฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบ ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟันได้ แต่เด็กควรที่จะให้ความร่วมมือกับทันตแทพย์ในการรักษา เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สาเหตุที่เด็กในวัยนี้ สามารถสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นเพราะเด็กในวัยนี้เริ่มจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำความสะอาดช่องปากและฟันได้แล้ว ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก จึงมีประโยชน์ต่อเด็กในระยะยาวได้ ช่วยป้องกันการขึ้นของฟันแท้ที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาฟัน ก็ไม่ต้องรอให้เด็กมีฟันแท้ขึ้นครบ สามารถพาเด็กมาปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิก ได้ทันที เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทาด้านการทันตกรรมในเด็ก และยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอบากให้เด็กๆทุกคนมีฟันที่สวยงาม แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

11
motor show 2025: ฮุนได Hyundai-IONIQ 6-ปี 2024
1,899,000 บาท 

ฮุนได Hyundai-IONIQ 6-ปี 2024
IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้าไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel อัตลักษณ์ของ IONIQ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting พร้อมระบบ infotainment ล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง BOSE premium sound system มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 229 แรงม้า 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์         Hyundai
   รุ่น              ฮุนได Hyundai-IONIQ 6-ปี 2024
   ประเภทรถ     รถเก๋ง 4 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว      2024
   ราคา          1,899,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
หลังคาแก้ว (Wide Sunroof พร้้อม ม่านบังแดดไฟฟ้า)
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค (แบบ LED)
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ หน้า-หลัง)
ไฟท้าย LED (แบบ บ Parametric Pixel LED)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ช่องระบายอากาศสำหรับระบบรถยนต์ด้านหน้าแบบ Active Air Intakes, มือจับประตูแบบป๊อปอัพ พร้อมเซ็นเซอร์)
ยางอะไหล่สำรอง (จะให้เป็นชุดซ่อมยางชั่วคราว)
ไฟหน้า LED (แบบ บ Parametric Pixel LED)
ขนาดยางหน้า-หลัง (255/45 R20)
ไฟ Daytime Running Lights (แบบ LED)
ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)

   ภายใน
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (,เข้า-ออก)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (มือจับประตูด้านในแบบ Chrome,Regenerative Paddle Shifters)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (Eco, Normal, Sport)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า           มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 229 แรงม้า แรงบิด 350 นืวตันเมตร และ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        229 แรงม้า
   ระบบเกียร์                          เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                       Single Speed Reduction Gear
   ระบบเบรค ABS                  มี
   ชนิดแบตเตอรี่                   ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                77.4 kWh

   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง 

545 กม. ตามมาตรฐาน WLT
CC2 Combo / Type 2 (7-pin)
รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด 10.5 กิโลวัตต์ ระยะเวลาในการชาร์จจาก 0 - 100% 7.1 ชั่วโมง
ระยะเวลาในการชาร์จรูปแบบ Ultra fast charging (350 kW) จาก 10 - 80% ใน 18 นาที
Vehicle To Load (V2L) Output capacity (maximum) 220V / 3.6 kW / 15A

   น้ำหนักตัวรถ            1,986 กก.
   ประเภทยางรถยนต์    245/40 R20
   ขนาดล้อ (นิ้ว)        ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน       ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (พร้อมระบบ Smart Keyless Entry)
กุญแจนิรภัย (Immobilizer)
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS, ระบบ VESS จำลองเสียงเครื่องยนต์เพื่อความปลอดภัย สำหรััคนเดินถนน)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HAC)
อื่นๆ (Hyundai SmartSense (ระบบเตือนและเบรกฉุุกเฉินอัตโนมัติ,ระบบเตือนและเบรกฉุุกเฉินอัตโนมัติที่่ทางแยก,ระบบช่วยควบคุุมรถให้อยู่เลน,ระบบช่วยควบคุุมรถให้อยู่กลางเลน,ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ,ระบบเตือนเมื่่อมีรถในจุุดอับสายตา)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (เมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB)
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system) (ระบบช่่วยเตือนอาการเหนื่่อยล้า DAW (Driver Attention Warning))
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collisio
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (ระบบเตือนการเปิดระบบประตููเมื่่อมีรถวิ่่งมาด้านข้าง SEW (Safe Exit Warning))
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (ระบบช่่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA (Rear Cross-traffic Collision-avoidance Assist))
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor - IAVM)
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อมระบบ Auto Hold)

12
ทาวน์เฮ้าส์ พลีโน่ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 60 (Pleno Suksawat-Prachauthit 60)
ราคา : เริ่มต้น 3,390,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
พลีโน่ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 60 บ้านแฝด/ทาวน์โฮม 2 ชั้น จากเอพี ไทยแลนด์ ไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ลงตัว ตอบโจทย์ชีวิตใกล้เมือง เลือกมีสุขภาพดีได้ตลอดทั้งวันด้วยส่วนกลางฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชม. สะดวกทุกการเดินทาง ใกล้สาทร-พระราม 3 เพียง 10 นาที* ใกล้ทางด่วน สะพานภูมิพล และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : พลีโน่ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 60 (Pleno Suksawat-Prachauthit 60)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู เอพี (ไทยแลนด์) ทุกโครงการ
เจ้าของโครงการ : เอพี (ไทยแลนด์)
แบรนด์ย่อย : พลีโน่
ราคา : เริ่มต้น 3,390,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

ประเภทบ้าน : บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ : 21 ไร่ 3 งาน 73.33 ตร.ว.
จำนวนบ้าน : 215 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 3 แบบ
เนื้อที่บ้าน : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
พื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 18.1 ถึง 44.5 ตร.ม.
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : 2 คัน
สาธารณูปโภค : คลับเฮาส์, ฟิตเนส, รปภ., CCTV
ขนส่งสาธารณะ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

โซน : เขตทุ่งครุ
ที่ตั้ง : ซอยประชาอุทิศ 60 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร


13
สุขภาพดี: การออกกำลังกายเสมือนจริง การออกกำลังกายรูปแบบใหม่ในยุคสุขภาพปัจจุบัน

ในสภาพแวดล้อมด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคโนโลยียังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราคงความกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดี หนึ่งในการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นและสร้างสรรค์ที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือการมาถึงของการออกกำลังกายแบบ Virtual Reality เทคโนโลยีการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ทำให้มีความน่าดึงดูดและเข้าถึงได้มากขึ้น

การออกกำลังกายเสมือนจริงคืออะไร?
การออกกำลังกายแบบความจริงเสมือนเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยี VR เพื่อสร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่ดื่มด่ำ ด้วยการสวมชุดหูฟัง VR ผู้ใช้จะถูกพาเข้าสู่สภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมการออกกำลังกายต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้มีตั้งแต่การออกกำลังกายแบบดั้งเดิม เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน และโยคะ ไปจนถึงประสบการณ์ที่มีการโต้ตอบและเล่นเกมมากขึ้น เช่น การชกมวย การเต้นรำ และแม้แต่การต่อสู้ด้วยดาบ

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ VR
ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ : การออกกำลังกายแบบ VR มอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำที่ทำให้การออกกำลังกายสนุกยิ่งขึ้น สภาพแวดล้อมเสมือนจริงและกิจกรรมที่มีส่วนร่วมจะเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ใช้จากการออกกำลังกาย ทำให้การออกกำลังกายรู้สึกเหมือนเป็นงานบ้านน้อยลงและเป็นเหมือนการผจญภัยมากขึ้น

แรงจูงใจและการมีส่วนร่วม : การเล่นเกมกิจกรรมฟิตเนสใน VR สามารถเพิ่มแรงจูงใจได้อย่างมาก การบรรลุเป้าหมาย การได้รับรางวัล และการแข่งขันกับเพื่อนหรือผู้ใช้รายอื่นเพิ่มองค์ประกอบของความสนุกและการแข่งขันที่การออกกำลังกายแบบเดิมๆ มักขาดหายไป

การเข้าถึง : การออกกำลังกายแบบ VR สามารถทำได้จากที่บ้านของคุณ ทำให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ไม่มีเวลา หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีห้องออกกำลังกายหรือศูนย์ออกกำลังกายเข้าถึงได้มากขึ้น

การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ : แอพฟิตเนส VR จำนวนมากเสนอแผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลที่ปรับให้เหมาะกับระดับฟิตเนสและเป้าหมายของแต่ละบุคคล การปรับแต่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับความต้องการของตนมากที่สุด

แรงกระแทกต่ำ : การออกกำลังกายแบบ VR มักประกอบด้วยกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำซึ่งง่ายต่อการต่อข้อต่อ ทำให้เหมาะสำหรับคนทุกระดับและทุกวัย รวมถึงผู้ที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บด้วย

แอปออกกำลังกาย VR ยอดนิยม
มีแอปออกกำลังกาย VR หลายแอปที่ตอบสนองความต้องการด้านการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน บางส่วนที่เป็นที่นิยม ได้แก่ :

เหนือธรรมชาติ : แอปนี้นำเสนอการออกกำลังกายพร้อมคำแนะนำในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่น่าทึ่ง พร้อมด้วยดนตรีและกิจกรรมที่หลากหลาย รวมถึงการชกมวย การไหลลื่น (การผสมผสานระหว่างคาร์ดิโอและการเต้นรำ) และการทำสมาธิ

FitXR : FitXR มีการออกกำลังกายแบบชกมวย เต้น และ HIIT ที่หลากหลาย พร้อมฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์และการติดตามความคืบหน้า

Beat Saber : แม้ว่าจะไม่ใช่แอปออกกำลังกายแบบดั้งเดิม แต่ Beat Saber เป็นเกมจับจังหวะที่ผู้เล่นต้องฟันบล็อกให้ทันเวลาด้วยเสียงเพลง เป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนานและให้พลังงานสูง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดและการประสานงาน

อนาคตของการออกกำลังกาย VR
เนื่องจากเทคโนโลยี VR ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เราจึงสามารถคาดหวังประสบการณ์การออกกำลังกายที่ซับซ้อนและดื่มด่ำมากยิ่งขึ้นได้ การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การออกกำลังกายที่เป็นส่วนตัวและปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น ในขณะที่ความก้าวหน้าในการตอบรับแบบสัมผัสสามารถให้ประสบการณ์สัมผัสและสมจริงมากขึ้น

นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบ VR ยังมีศักยภาพที่จะขยายไปสู่ขอบเขตที่นอกเหนือจากการออกกำลังกายแบบเดิมๆ ตัวอย่างเช่น VR สามารถใช้สำหรับการกายภาพบำบัด การรักษาสุขภาพจิต และการฝึกอบรมตามทักษะ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในอนาคตของสุขภาพและความสมบูรณ์แข็งแรง

การออกกำลังกายแบบ Virtual Reality กำลังเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ด้านฟิตเนสโดยการผสมผสานประโยชน์ของการออกกำลังกายเข้ากับธรรมชาติของสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่น่าดึงดูดและน่าดื่มด่ำ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้การออกกำลังกายเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สนุกสนาน และมีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายที่กำลังมองหาความท้าทายใหม่ๆ หรือผู้ที่กำลังมองหาวิธีสนุกๆ ในการรักษาความกระฉับกระเฉง การออกกำลังกายแบบ VR มอบโซลูชันที่น่าตื่นเต้นและเป็นนวัตกรรมใหม่ในการบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพและการออกกำลังกายของคุณ



14
ซ่อมบำรุงอาคาร: ปัญหาที่เกิดกับเครื่องปรับอากาศ พร้อมวิธีแก้ไขและบำรุงรักษา

พอเข้าหน้าร้อน เครื่องปรับอากาศต้องทำงานเพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ จึงรวมปัญหาที่อาจจะเกิดกับเครื่องปรับอากาศ พร้อมวิธีแก้ไขมาฝาก อีกทั้งยังมีวิธีการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้สามารถยืดระยะเวลาการใช้งานได้นานขึ้น

ปัญหาที่เกิดกับเครื่องปรับอากาศ และวิธีแก้ไข

1. เครื่องปรับอากาศ มีน้ำหยด
สาเหตุที่ 1: ถาดหรือท่อน้ำทิ้งอุดตัน
แนวทางแก้ไข: ช่างล้างแอร์ล้างทำความสะอาด โดยใช้เครื่องเป่าลมและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

สาเหตุที่ 2: ฉนวนหุ้มท่อภายในเครื่องชำรุด หรือฉีกขาด
แนวทางแก้ไข: ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่

สาเหตุที่ 3: มด แมลง ทำรังที่บริเวณท่อน้ำทิ้ง
แนวทางแก้ไข: ให้สำรวจท่อน้ำทิ้งนอกอาคาร หากเกิดจากสาเหตุนี้ให้ล้างทำความสะอาด และฉีดสเปรย์กำจัดแมลง เพื่อไม่ให้กลับมาทำรังอีก

2. เครื่องปรับอากาศมีกลิ่นอับชื้น
สาเหตุ: เกิดจากการควบแน่นของน้ำ จนทำให้มีความชื้นภายในเครื่อง
แนวทางแก้ไข: ปิดคอนเดนเซอร์ส่วนระบายความร้อน แต่เปิดส่วนเป่าลมเย็น เพื่อให้พัดลมเป่าความชื้นให้หมดไป กลิ่นอับจะลดลงและหายไป (โดยกดปุ่มที่ฟังก์ชั่น Fan จากรีโมทคอนโทรล)

3. เครื่องปรับอากาศไม่เย็น และกินไฟมาก
สาเหตุที่ 1: ทางลมเข้าเครื่องมีฝุ่นผงเกาะหนา จนเครื่องทำงานหนัก
แนวทางแก้ไข: เบื้องต้นสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตนเอง หากอาการยังอยู่ให้ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ

สาเหตุที่ 2: น้ำยาแอร์หมด
แนวทางแก้ไข: ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบอาการและเติมน้ำยาแอร์

สาเหตุที่ 3: เครื่องปรับอากาศ และคอนเดนเซอร์ อยู่ห่างกันเกินไป/ ชุดระบายความร้อนอยู่ในที่อับลม/ ชุดระบายความร้อนอยู่ในตำแหน่งที่โดนแดดโดยตรง
แนวทางแก้ไข: ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาจุดติดตั้งและย้ายตำแหน่งไปในจุดที่เหมาะสม

การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ

1. ติดตั้งชุดระบายความร้อนในตำแหน่งที่เหมาะสม
    - ชุดระบายความร้อนของเครื่องปรับอากาศ (คอนเดนเซอร์) ซึ่งติดตั้งอยู่ภายนอกบ้าน ควรติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่โดนแสงมากนักโดยเฉพาะแสงช่วงบ่าย เนื่องจากว่าจะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานลดลง
    - ติดตั้งในที่อากาศถ่ายเท ไม่ชื้น เนื่องจากความชื้นทำให้เครื่องผุพังเร็ว
    - ติดตั้งให้ห่างจากผนัง อย่างน้อย 15 เซนติเมตร หากติดตั้งชิดผนังมากเกินไปจะทำให้เครื่องปรับอากาศกินไฟมากขึ้นร้อยละ 15 - 20

2. ควรให้ช่างตรวจเช็คแอร์ทุก 6 เดือน เพื่อล้างทำความสะอาดเครื่อง ตรวจเช็คน้ำยาแอร์ ตรวจสอบการทำงานของเครื่อง และการระบายน้ำจากตัวเครื่องไม่ให้น้ำไหลย้อนหยดภายในห้อง

3. การทำความสะอาดด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
    - ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีไม่ควรปล่อยให้มีฝุ่นเกาะ เนื่องจากจะเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโรคและแบคทีเรีย และเพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทำได้โดยการเปิดฝาครอบเครื่องปรับอากาศและฟิลเตอร์ ซึ่งอยู่ที่ส่วนเป่าลมเย็นออกมาล้างน้ำ ปล่อยให้แห้ง และใส่กลับที่เดิม
    - ทำความสะอาดคอนเดนเซอร์แอร์ หรือคอยล์ร้อน เนื่องจากเป็นส่วนที่อยู่ภายนอกอาคาร จึงทำให้มีฝุ่นเกาะค่อนข้างมาก การทำความสะอาดทำได้โดย ปิดเครื่องปรับอากาศและสับเบรคเกอร์ให้อยู่ในตำแหน่ง 0ff จากนั้นใช้น้ำฉีดไล่ฝุ่นผงบริเวณแถบระบายความร้อน เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อย ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถเปิดใช้งานได้อีกครั้ง


15
สินค้า บริการอื่น ๆ / วีโว่ vivo V27 5G (12GB/256GB)
« เมื่อ: 27 ตุลาคม 2024, 18:03:01 pm »
วีโว่ vivo V27 5G (12GB/256GB)
16,299 บาท 

วีโว่ vivo V27 5G (12GB/256GB)
Vivo V27 5G หน้าจอ Amoled ขนาด 6.78 นิ้ว กล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,600 mAh รองรับชาร์จไว 66W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            วีโว่ vivo V27 5G (12GB/256GB)
   ราคากลาง         16,299 บาท ดูโทรศัพท์มือถือราคาใกล้เคียง
   จำนวนซิม         2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์         จอสัมผัส
   สี                   Gold(Flowing Gold), Black(Noble Black), Green(Emerald Green)
   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM850/900/1800/1900 MHz)
3G(B1/B2/B4/B5/B8)
4G(B1/B2/B3/B4/B5/B7/B8/B18/B19/B20/B26/B28)
5G(n1/n3/n5/n8/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n77/n78)

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 164.1 x กว้าง 74.8 x หนา 7.4 มม., น้ำหนัก 180 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM) 256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด    -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ      ความจุแบตเตอรี่ 4,600 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ             จอสัมผัส (Amoled)
   ความละเอียด      6.78 นิ้ว, 388 ppi, 2,400 x 1,080 px

   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 13 Global
ประมวลผลชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7200
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.9 + เลนส์ ultrawide 8 MP, f/2.2 + เลนส์ macro 2 MP, f/2.4
มีระบบเซ็นเซอร์ลักษณะการเคลื่อนไหวของสมาร์ตโฟน, เซนเซอร์สำหรับตรวจวัดสภาพแสง, เซนเซอร์สำหรับการตรวจจับระยะห่าง, เซนเซอร์สำหรับตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, เซนเซอร์สแกนนิ้ว, ระบบเซนเซอร์ลักษณะการหมุนของสมาร์ตโฟน
รองรับชาร์จไว 66W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                  กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (50 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)             Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)     Mali-G610 MC4
   หน่วยความจำ (RAM)                12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.3), NFC, Wi-Fi(2.4GHz / 5GHz)
   ระบบรับส่งข้อความ                   SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                            GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS

หน้า: [1] 2 3 ... 29
ลงประกาศฟรี ติด google ลงโฆษณา ขายของ ฟรี โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ขายฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google